คุณแม่หลายท่านมักจะละเลยการดูแลฟันของลูกน้อย เพราะคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ฟันน้ำนม ไม่นานก็หลุดออกไป แต่จริงๆ แล้ว ฟันน้ำนมนั้นสำคัญกับลูกน้อยมาก เพราะเป็นตัวช่วยให้เขาฝึกออกเสียงได้ชัดขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น การดูแลฟันอย่างถูกวิธีในช่วงวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานและจุดเริ่มต้นของการมีฟันที่สวยงามเมื่อเขาโตขึ้นอีกด้วยค่ะ ดังนั้น คุณแม่จึงจำเป็นต้องใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของลูกน้อยให้แข็งแรงอยู่เสมอ
‘ฟันผุ’ ปัญหาที่พบบ่อยในเด็กเล็ก
ปัญหาหนึ่งที่มักพบบ่อยในเด็กเล็ก คือ ฟันน้ำนมผุ ซึ่งเกิดขึ้นจากแบคทีเรียในช่องปากเปลี่ยนน้ำตาลจากอาหารและเครื่องดื่มที่เด็กๆ ทานเข้าไปเป็นกรดและกัดกร่อนจนทำให้ฟันของเขาผุ และเมื่อฟันของเด็กๆ ผุแล้วอาจส่งผลให้เขาเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ปวดฟัน เคี้ยวอาหารยากขึ้น รู้สึกเขินอายเวลายิ้มหรือพูดคุย เป็นต้น
นอกจากนี้ เด็กๆ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน ไม่ว่าจะเป็นฟันเก ฟันซ้อน หรือฟันล้มเมื่อเขาโตขึ้นได้อีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณแม่ควรฝึกให้เด็กๆ มีวินัยที่ดีในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเพื่อป้องกันฟันผุด้วยการแปรงฟันหรือการใช้ไหมขัดฟันนั่นเองค่ะ
4 วิธีป้องกันฟันผุให้กับลูกน้อย
1. แปรงฟัน
แม้ว่าเด็กๆ จะไม่ชอบการแปรงฟัน แต่เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีแล้ว คุณแม่ควรพาลูกน้อยไปปรึกษากับทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำอย่างเหมาะสม
สำหรับเด็กทารก คุณแม่สามารถแปรงฟันให้เขาได้ตั้งแต่ช่วงก่อนฟันซี่แรกขึ้น เพียงแค่ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ ทำความสะอาดไปให้ทั่วช่องปาก ไม่ว่าเป็นเหงือก กระพุ้งแก้ม และลิ้น ทุกครั้งหลังให้นมก็เพียงพอแล้วค่ะ
โดยหลังจากที่ฟันของลูกน้อยขึ้นแล้ว คุณแม่อาจเปลี่ยนไปใช้ยาสีฟันที่ส่วนผสมของฟลูออไรด์ร่วมกับแปรงสีฟันเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยของเขา อย่างเช่น Mama’s Choice My First Toothbrush อีกหนึ่งตัวอย่างของแปรงสีฟันเด็กที่เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป ผลิตจากซิลิโคนคุณภาพดี ปลอดภัยและไม่เป็นอันตราย
Mama’s Choice My First Toothbrush แปรงสีฟันเด็ก มีสีสันและลวดลายน่ารักๆ ช่วยให้เด็กๆ รู้สึกสนุกไปกับการแปรงฟัน อีกทั้งยังมาพร้อมกับ Safety Shield ที่สามารถช่วยป้องกันการบาดเจ็บของเด็กๆ ขณะแปรงฟันได้อีกด้วย
นอกจากนี้ สำหรับเด็กๆ ที่มีอายุ 7 ถึง 8 ปี พวกเขาสามารถแปรงฟันเองได้แล้ว แต่คุณแม่ควรเช็กให้แน่ใจด้วยว่า ลูกน้อยแปรงฟันของเขาครบทุกซี่และแปรงฟันครบ 2 นาที โดยให้พวกเขาแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี
อย่างไรก็ตาม หากเด็กๆ หลีกเลี่ยงที่จะแปรงฟัน คุณแม่ควรลองหาแรงจูงใจใหม่ๆ เพื่อให้เด็กๆ รู้สึกสนุกไปกับการแปรงฟันมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ให้เขาเลือกแปรงสีฟันเด็กลายการ์ตูนที่เขาชอบ มีของรางวัลแลกเปลี่ยน เปิดเพลงขณะที่เขาแปรงฟัน เป็นต้น
2. เสริมฟลูออไรด์
คุณแม่สามารถปกป้องฟันของลูกน้อยได้ด้วยการเสริมฟลูออไรด์ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยป้องกันฟันผุ โดยคุณแม่สามารถเลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อช่วยป้องกันฟันผุของลูกน้อยได้
นอกจากนี้ หากลูกน้อยของคุณแม่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป คุณแม่สามารถพาเด็กๆ ไปเคลือบฟลูออไรด์หรือขอรับการเสริมฟลูออไรด์แบบหยดและแบบเม็ดจากทันตแพทย์ได้อีกด้วยนะคะ
3. เลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อฟัน
แน่นอนว่าการให้ลูกน้อยรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากๆ จะทำให้ฟันของเขาผุได้ง่าย เนื่องจากแบคทีเรียในช่องปากจะเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นกรดจนทำให้ฟันผุ
ดังนั้น เพื่อให้ลูกน้อยของคุณแม่มีสุขภาพช่องปากที่ดีและฟันที่แข็งแรง คุณแม่ควรเปลี่ยนให้เขาทานอาหารเพื่อสุขภาพแทน เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่ว เนื้อไม่ติดมัน เป็นต้น
นอกจากนี้ คุณแม่อาจเสริมอาหารที่มีแคลเซียมสูงอย่างนม ชีส หรือโยเกิร์ตที่เป็นแหล่งแคลเซียมชั้นดีเพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรงให้กับเจ้าตัวน้อยได้อีกด้วยค่ะ
4. ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ
คุณแม่ควรพาลูกไปพบกับทันตแพทย์อย่างเร็วที่สุดภายใน 6 เดือนหลังจากที่ฟันซี่แรกขึ้น และอย่างช้าที่สุด คือ ไม่เกิน 12 ถึง 18 เดือน และถึงแม้ว่าการไปพบกับทันตแพทย์ในครั้งแรกอาจทำให้เด็กๆ รู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่คุณแม่สามารถเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเขาได้ขณะที่คุณหมอทำการตรวจฟันเพื่อให้เด็กๆ รู้สึกอุ่นใจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทำการตรวจฟันแล้ว คุณแม่ควรสอบถามกับทันตแพทย์เกี่ยวกับวิธีทำความสะอาดฟันและวิธีรักษาสุขภาพช่องปากของลูกน้อยที่ถูกต้องเพิ่มเติมด้วย และอย่าลืมพาเขาไปตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำด้วยนะคะ
—
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือ วิธีการดูแลฟันสำหรับลูกน้อยที่เรานำมาฝากให้กับคุณแม่ หากบทความนี้ของเราเป็นประโยชน์ อย่าลืมกดแชร์เพื่อเผยแพร่ความรู้ไปให้กับคุณแม่ท่านอื่นๆ กันด้วยนะคะ
Wanvisa