Search

คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีความฝันที่แตกต่างจากปกติจริงหรือ?

มีคุณแม่หลายเสียงเลยทีเดียวที่บอกว่าการนอนหลับและความฝันของคนเป็นแม่จะเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่คืนแรกที่คุณแม่พาเจ้าตัวเล็กกลับบ้าน แน่นอนว่าคุณแม่หลายคนเกิดปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับตามมา

แม้การมีทารกอยู่ด้วยจะทำให้คุณแม่ต้องหลับๆ ตื่นๆ อยู่ตลอดทั้งคืน จนทำให้คุณแม่เกิดความอ่อนล้า อ่อนเพลียตามมา แต่จริงๆ แล้วอาการนอนไม่หลับและความเหนื่อยล้า อาจเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์แรกๆ ได้เช่นกัน เนื่องจากความคิดของคุณแม่ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องราวเกี่ยวกับลูกน้อยในครรภ์ ทำให้จิตใจของเรารู้สึกกระวนกระวายแม้ว่าดวงตาจะปิดสนิทอยู่ก็ตาม 

อย่างไรก็ตาม มันเป็นสัจธรรมพื้นฐานอยู่แล้วว่าเมื่อคุณแม่รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นอ่อนล้า สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งก็คือ พักผ่อนให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ยิ่งคุณแม่รู้สึกเหนื่อยมากเท่าไร ร่างกายของคุณแม่ก็ยิ่งต้องการการพักผ่อนในยามค่ำคืนมากขึ้นเท่านั้น และความเหนื่อยล้านี้เองที่ส่งผลให้คุณแม่หลายคนหลับลึกและจมดิ่งไปในห้วงเวลาช่วงหนึ่ง หรือที่เราว่าความฝัน ซึ่งมันอาจจะมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปในระหว่างตั้งครรภ์ 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Mama’s Choice ได้รวบรวมสิ่งที่คุณแม่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับความฝันและการเปลี่ยนแปลงของการตั้งครรภ์ประเภทต่างๆ รวมถึงสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้มาฝากกันค่ะ

ความฝันของคุณแม่ตั้งครรภ์แตกต่างอย่างไร?

คุณแม่ฝัน

แน่นอนว่าทุกคนสามารถมีความฝันได้ เพราะมันมักจะเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของดวงตา หรือที่เรียกว่า REM Sleep Behavior Disorder ซึ่งในระหว่างความฝัน ทุกคนอาจได้เห็นภาพ และสัมผัสได้ถึงความคิดและอารมณ์ ซึ่งบางคนอาจจำความฝันของตนเองได้หลังจากตื่นนอน ในขณะที่อีกหลายคนจับเรื่องราวความฝันของตัวเองได้เลย แม้ว่าจะเพียงเรื่องเดียวในตอนเช้ามืดก็ตาม 

ขณะเดียวกัน การฝันนั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในขณะนอนหลับและไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ อยู่บ่อยๆ อาจสังเกตเห็นได้ถึงความแตกต่างในเรื่องความถี่และประเภทของความฝันนั่นเองค่ะ

 

เรื่องราวความฝันที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์

1. ความฝันที่สดใสมากขึ้น

ความฝัน

เราเชื่อว่าคงมีคุณแม่หลายคนเคยมีความฝันที่สดใสในระหว่างการนอนหลับสนิท ซึ่งมักจะจำภาพ อารมณ์ คำพูดที่เกิดขึ้นในความฝันได้หลังจากตื่นนอน และในบางครั้งภาพเหล่านี้ก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “เดจาวู” 

แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ดูเหมือนว่ามักจะมีความฝันประเภทนี้บ่อยมากขึ้น แทนที่จะเป็นภาพที่เลือนราง เรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ แต่พอตั้งครรภ์กลับจดจำได้อย่างชัดเจนจนในบางครั้งก็แทบแยกไม่ออกว่านี่เป็นความฝันหรือเรื่องจริง 

2. ฝันบ่อยขึ้น

มันไม่แปลกที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะฝันบ่อยขึ้น เนื่องจากคนท้องมักมีอาการเหนื่อยล้าซุกซ่อนอยู่ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก ดังนั้น เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เกิดอาการเหนื่อยล้าสิ่งที่อยากจะทำตามมาก็คือการนอนหลับหรืองีบหลับที่รวมๆ กันแล้วเรียกได้ว่า 8 ชั่วโมง ดังนั้น ยิ่งคุณแม่นอนหลับมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสฝันมากขึ้นเท่านั้นนั่นเองค่ะ

3. ความฝันเกี่ยวกับการตั้งครรภ์หรือความเป็นแม่

ความฝัน

เมื่อรับรู้ว่าในร่างกายมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อยู่อีกคนหนึ่ง มันไม่แปลกเลยที่คุณแม่จะรู้สึกตื่นเต้นกับการมีสมาชิกใหม่ และนอกจากความตื่นเต้นแล้ว บางทีคุณแม่เองอาจประหม่าเล็กน้อยทำให้ความคิดมักจะวนเวียนอยู่กับลูกเสมอแม้กระทั่งในความฝัน ซึ่งคุณแม่จะพบกับเรื่องราวความฝัน เช่น ได้อุ้มลูก ตั้งชื่อลูก พูดคุยกับลูก หรือแม้กระทั่งฝันเห็นเพศของเขา

4. ความฝันเกี่ยวกับเรื่องที่กังวล 

นอกจากความตื่นเต้นแล้ว ความวิตกกังวลก็สามารถทำให้คุณแม่เกิดความฝันได้เช่นเดียวกัน ซึ่งความฝันที่พบเจอจะเป็นการเน้นย้ำถึงเรื่องที่คุณแม่กำลังวิตกกังวลหรือกลัวอยู่ ตัวอย่างเช่น กังวลเรื่องการตั้งชื่อ การเลือกวิธีคลอด การเตรียมของใช้จำเป็นต่างๆ การลาคลอด และไม่เว้นแม้แต่การวางแผนอนาคตให้กับเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมา

5. จำความฝันได้ง่ายขึ้น

ในช่วงก่อนตั้งครรภ์คุณแม่หลายคนอาจไม่เคยจดจำความฝันที่เกิดขึ้นได้ แต่ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่อาจจำความฝันบางอย่างได้ง่ายขึ้น เรียกได้ว่า สามารถตื่นขึ้นมาเล่าได้อย่างเป็นตุเป็นตะ

6. ฝันร้าย

แน่นอนว่าคงไม่มีใครฝันดีตลอดเวลา โดยเฉพาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีความวิตกกังวลและอ่อนไหวมากขึ้นก็ยิ่งทำให้มีโอกาสฝันร้ายในระหว่างตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ซึ่งจากการศึกษาในปี 2018 พบว่าการฝันร้ายในระหว่างตั้งครรภ์ของคุณแม่นั้นเป็นเรื่องปกติ โดยจะมีรูปแบบเรื่องราวความฝันที่แตกต่างกันไป เช่น ฝันว่าทิ้งลูกหรือสูญเสียลูกอย่างแท้จริง หรือคุณแม่ที่เคยแท้งมาก่อนก็สามารถฝันถึงเหตุการณ์นี้ซ้ำได้เช่นกัน 

ทำไมการเปลี่ยนแปลงความฝันจึงเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์

จริงๆ แล้วมีคำอธิบายมากมายที่ดูจะเป็นไปได้เกี่ยวกับความฝันที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงระหว่างตั้งครรภ์โดยการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ เพราะฮอร์โมนที่ผันผวนในระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อร่างกายของคุณแม่ โดยเฉพาะอารมณ์ที่แปรปรวนอยู่บ่อยๆ เช่น มีคนมาแย่งคนของกินของเราน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งๆ ที่ก่อนตั้งครรภ์ไม่เคยซีเรียสกับการถูกแย่งของกินเลย 

ในทำนองเดียวกัน ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงสามารถทำให้อารมณ์ของคุณแม่ฉุนเฉียวขึ้นได้ และพวกมันก็สามารถทำให้ความฝันชัดเจนได้มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณแม่มีแนวโน้มที่จะนอนหลับบ่อยขึ้นและฝันได้บ่อยขึ้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม  National Sleep Foundation กล่าวว่า มีบางทฤษฎีแนะนำว่าการฝันเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเก็บความทรงจำ และในหลายๆ ทางความฝันยังสามารถทำหน้าที่เป็นยารักษาจิตใจได้ด้วย เพราะความฝันสามารถช่วยให้คุณประมวลผลข้อมูลและเข้าใจอารมณ์ของคุณได้ดีขึ้น ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงในระหว่างการตั้งครรภ์อาจทำให้คุณแม่ฝันบ่อยได้มากขึ้นและจดจำได้มากขึ้น

ความฝันทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ?

ถ้าสิ่งที่ฝันกลายเป็นฝันร้ายที่ตอกย้ำเรื่องราวที่เกิดขึ้นซ้ำๆ อาจส่งผลให้จิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์เกิดความหวาดกลัวและวิตกกังวลได้ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่เราอยากแนะนำ คือ การกำจัดความฝันเหล่านั้นทิ้งไปหรือลดความถี่ที่จะฝันถึงเรื่องราวเหล่านั้นลง 

เราเข้าใจดีว่าในการจัดการกับความฝันอันไม่พึงประสงค์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งคุณแม่สามารถทำได้ คือ  การลองพูดคุยเรื่องราวของความฝันนี้กับจิตแพทย์ เพื่อนสนิท หรือจดบันทึกความฝันของคุณแม่ลงไปเพื่อเป็นการระบายความวิตกกังวลและความหวาดกลัวออกมา 

อย่างไรก็ตาม การนอนที่ดีและมีคุณภาพสามารถช่วยลดความถี่ของฝันร้ายให้กับคุณแม่ได้ ดังนั้น การตั้งเป้าหมายและจัดตารางการพักผ่อนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก และในบทความนี้เราก็มีมาฝากกันด้วยค่ะ 

เคล็ดลับการนอนหลับช่วยลดความถี่ของฝันร้าย 

ไม่ว่าจะฝันร้ายหรือไม่ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องมาบอกเคล็ดลับดีๆ ให้กับคุณแม่ได้ฟังกัน เพราะเคล็ดเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะลดความถี่ของฝันร้ายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณแม่นอนหลับได้อย่างมีคุณภาพอีกด้วยค่ะ 

 

1. สร้างบรรยากาศ

ฝัน

ห้องนอนคือห้องที่เราใช้สำหรับพักผ่อน ดังนั้น บรรยากาศในห้องนอนจึงควรมีอุณหภูมิที่เหมาะสม เงียบสงบ ที่สำคัญควรลดไฟในห้องให้มืดสนิทหรือเหลือเพียงแสงสลัวๆ เท่านั้นค่ะ 

2. ทานอาหารที่มีธาตุเหล็กและแคลเซียม

ดื่มนม

การทานอาหารที่มีธาตุเหล็กจะช่วยทำให้คุณแม่สามารถนอนหลับได้ดีขึ้น เนื่องจากธาตุจะช่วยกระตุ้นการผลิตเมลาโทนินที่มีส่วนช่วยในการนอนหลับ เช่น เลือดวัว เลือดหมู ตับหมู ไก่ หมู ผักกาดหอม มะเขือพวง มะเขือเทศ เมล็ดฟักทอง เป็นต้น

 

ส่วนอาหารที่มีแคลเซียมก็เป็นอาหารจำพวกปลาตัวเล็กตัวน้อย เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้หลากสี และธัญพืชจำพวกถั่ว ตัวอย่างเช่น ปลาข้าวสาร หมู ไก่ ปลา แครอท ผักโขม บร็อกโคลี คะน้า ถั่วเหลือง ถั่วแดง เป็นต้น

3. งดน้ำก่อนนอน

แค่การตั้งครรภ์ก็ทำให้คุณแม่ต้องเดินเข้าห้องน้ำกันอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว ดังนั้น การงดดื่มน้ำก่อนนอนจึงเป็นเรื่องที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้คุณแม่ต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะกลางดึกและสามารถนอนหลับได้อย่างเต็มที่  

4. กำจัดอุปกรณ์รบกวน 

หลีกเลี่ยงมือถือ

แสงสีฟ้าไม่ว่าจะเป็นตอนใช้งานอยู่หรือตอนเลิกใช้งานแล้วก็เป็นสิ่งที่รบกวนการนอนหลับทั้งนั้น ดังนั้น ก่อนเวลาเข้านอน 1-2 ชั่วโมง คุณแม่ควรปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดและหากเป็นไปได้นำออกจากห้องนอนไปได้ยิ่งดีค่ะ

5. ไม่งีบหลับเป็นเวลานาน 

แม้ว่าการงีบหลับระหว่างวันจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ตาม เพราะคุณแม่คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาการอ่อนล้าอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นได้ แต่อย่างน้อยก็หลีกเลี่ยงการงีบหลับในช่วงเย็นก่อนเวลาเข้านอนเนื่องจากอาจทำให้คุณแม่นอนไม่หลับในตอนกลางคืน 

6. หากิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน

กิจกรรมผ่อนคลาย

นอกจากจะเล่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตก่อนเข้านอนแล้ว การอ่านหนังสือ แช่น้ำอุ่น นั่งสมาธิ หรือฟังเพลงโปรดที่ช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์และความตึงเครียดก่อนเข้านอนก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ อีกทั้งยังไม่ต้องคอยกังวลกับแสงสีฟ้าที่อาจส่งผลกระทบกับการนอนหลับอีกด้วยนั่นเองค่ะ

7. เข้าคอร์สอบรม

การเข้าคอร์สอบรมเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นคุณแม่มือใหม่ จะยิ่งช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลไปได้ในหลายๆ เรื่องเมื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติตัวในช่วงระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอดบุตร และเมื่อความกังวลน้อยลงคุณแม่ก็จะสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจมากขึ้นนั่นเองค่ะ

 

Mama’s Choice Relaxing Massage Oil  เพิ่มประสบการณ์การนอนหลับที่มีคุณภาพให้กับคุณแม่

นวดกับ นำ้มันนวดจาก Mama's Choice

Mama’s Choice ไม่เพียงแต่คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยเพื่อตอบโจทย์ให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ตั้งครรภ์และให้นมบุตรเท่านั้น แต่เรายังเข้าใจถึงทุกความกังวลของคุณแม่ที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณแม่ 

เราขอแนะนำ Mama’s Choice Relaxing Massage Oil น้ำมันนวดอโรมา สูตรเฉพาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร อีกหนึ่งไอเทมดีๆ ในการช่วยผ่อนคลายร่างกาย ผสานพลังธรรมชาติอย่างน้ำมันลาเวนเดอร์ น้ำมันส้ม น้ำมันเกรปฟรุต น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก และวิตามินอี  ให้กลิ่นหอม ผ่อนคลาย 

นอกจากนี้ ส่วนผสมทั้งหมดนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการระคายเคืองผิว กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รักษาอาการผิวแห้ง และช่วยให้ผิวนวลเนียน น่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น  โดยคุณแม่สามารถใช้นวดบนผิวได้โดยตรงช่วยสร้างประสบการณ์การนวดที่น่าประทับใจ 

นำ้มันนวด

และอีกฟังก์ชันแสนพิเศษของ  Mama’s Choice Relaxing Massage Oil คือ คุณแม่สามารถนำไปหยดใส่เครื่องพ่นไอน้ำเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ห้องต่างๆ ดูสดชื่น ผ่อนคลาย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยทำให้คุณแม่นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมเล็กๆ ที่เต็มไปประสิทธิภาพในการดูแลคุณแม่ที่เราภูมิใจนำเสนอ และเราก็หวังว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่ตั้งแต่ในช่วงตั้งครรภ์ไปจนถึงหลังคลอดด้วยเช่นกันค่ะ 🙂 

สรุปแล้วว่าภาพความฝันที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงระหว่างตั้งครรภ์นั้นถือเป็นเรื่องปกติเป็นอย่างมาก แต่ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าความฝันของตัวเองอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ และก่อให้ความเครียด ความวิตกกังวล เราขอแนะนำให้คุณแม่ไปปรึกษาแพทย์หรือคนรอบข้าง เพราะพวกเขาจะช่วยรับฟังข้อกังวลของคุณแม่และช่วยเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดให้กับคุณแม่อย่างแน่นอนค่ะ 

นำ้มันนวด Mama's Choice Relaxing Massage Oil

Author Wanvisa

Wanvisa

COMMENTS

0 Comments
Leave a comment

Your Cart (0)

Close

เพิ่ม ฿300.00 เพื่อรับสิทธิในการจัดส่งฟรี!

Mini Cart

ตะกร้าสินค้าของคุณว่างเปล่า

Shop now

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า