น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็วส่งผลทำให้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วย และสิ่งที่ตามมาติดๆ กันเลยก็คือ ผิวแตกลาย (striae) ที่เกิดขึ้นบนผิวตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณเต้านม หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน และต้นขา
ในความเป็นจริงแล้ว รอยแตกลายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคุณแม่เท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศและทุกวัย แต่มักพบบ่อยมากที่สุดในกลุ่มคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2015 ชี้ให้เห็นว่าคนท้องมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ มักเกิดรอยแตกลาย
โดยเริ่มแรกรอยแตกลายจะปรากฏเป็นเส้นบาง ๆ สีแดงหรือสีม่วงในรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไป เมื่อเวลาผ่านไปรอยแตกลายจะดูจางลงไปเอง แต่จริงๆ แล้วรอยแตกลายไม่ได้ดูจางลงแต่อย่างใด เพราะมันพัฒนาไปเป็นรอยแตกลายสีขาวและทำให้รักษาให้หายได้ยากขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีผลงานวิจัยชี้ว่าเราไม่สามารถรอยแตกลายให้หายไปได้ แต่อย่างน้อยที่สุด คือ เราสามารถทำให้รอยแตกลายดูจางลงไปได้ โดยควรเริ่มรักษาตั้งแต่ตอนที่รอยแตกลายยังเป็นสีแดงหรือสีม่วง เนื่องจากตอบสนองต่อการรักษาได้ดีกว่ารอยแตกลายสีขาว
9 วิธีช่วยให้ผิวแตกลายดูจางลง
ในปัจจุบันการรักษารอยแตกนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เนื่องจากเรามีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ตอนนี้เราได้ค้นพบวิธีการรักษารอยแตกลายได้มากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีธรรมชาติ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว การใช้เทคโนโลยี หรือการเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม ล้วนแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีในการรักษารอยแตกลาย
ในบทความนี้ Mama’s Choice ได้รวบรวมวิธีรักษารอยแตกลายรูปแบบต่างๆ ที่จะช่วยให้รอยแตกลายของคุณแม่ดูจางได้อย่างเป็นธรรมชาติมาฝากกันแล้ว มีอะไรบ้าง? ตามมาอ่านต่อกันได้เลยค่ะ
1. ใบบัวบก
อีกหนึ่งวิธีธรรมชาติ คือ การใช้ใบบัวบกซึ่งเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในผลิตภัณฑ์ความงามของเกาหลี (K-beauty) หรือคุณแม่หลายคนอาจคุ้นกันในชื่อ ‘ซิก้า’ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
โดยมีงานวิจัยในปี 2015 ชี้ว่า การใช้ใบบัวบกหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของใบบัวบก สามารถช่วยลดการอักเสบ เพิ่มการผลิตคอลลาเจน และป้องกันรอยแตกลายในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ได้
2. สครับน้ำตาล
น้ำตาล วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องตลาด เรียกได้ว่าเป็นสารขัดผิวยอดนิยมสามารถขัดผิวที่ตายแล้วออกได้และเผยผิวที่นุ่มนวลขึ้น คล้ายๆ กับวิธีทางการแพทย์อย่าง Microdermabrasion ที่เป็นการใช้คริสทัลเล็กๆ ในการขัดผิวแตกลายให้ดูจางลง แต่วิธีนี้จะมีราคาแพงและต้องรักษาต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน แต่หากคุณแม่อยากจะประหยัดงบอาจลองใช้วิธีด้านล่างนี้ดูได้ค่ะ
วิธีการทำสครับน้ำตาล
- ผสมน้ำตาล 1/2 ถ้วยตวงกับน้ำมันอัลมอนด์หรือน้ำมันมะพร้าว ผสมน้ำมันลงในน้ำตาลทีละน้อยจนได้เนื้อสครับที่ข้นเหนียวพอประมาณ
- ค่อยๆ ถูส่วนผสมให้ทั่วบริเวณที่มีรอยแตกลาย
- ทำซ้ำ 2 หรือ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ขณะอยู่ในห้องอาบน้ำหรืออ่างอาบน้ำ และล้างออกด้วยน้ำอุ่น
- คุณแม่สามารถแบ่งสครับเป็นชุดเล็กๆ ได้ตามต้องการ เพื่อให้หยิบมาใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่หากสครับมีกลิ่นหรือสีที่เปลี่ยนไป ควรทิ้งและทำใหม่ทันทีนะคะ
3. ว่านหางจระเข้
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ ว่านหางจระเข้ก็เป็นที่รู้จักในนาม ‘พืชแห่งการรักษา’ ซึ่งวุ้นภายในใบของต้นว่านหางจระเข้สามารถทาลงบนผิวได้โดยตรงเพื่อปลอบประโลมและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
มีงานวิจัยในปี 2018 ชี้ให้เห็นว่าว่านหางจระเข้สามารถช่วยรักษาผิวไหม้และรอยแผลเป็นได้ ซึ่งรอยแตกลายก็ถูกจัดเป็นหนึ่งในรอยแผลเป็น ดังนั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมว่านหางจระเข้ถึงสามารถช่วยป้องกันรอยแตกลายหรือทำให้รอยแตกลายดูจางลงได้
4. น้ำมันมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีประโยชน์ในการเสริมเกราะป้องกันให้กับผิว แม้จะมีหลักฐานไม่มากนักว่าน้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยลบเลือนรอยแตกลายได้ เช่นเดียวกับน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันโกโก้
แต่งานวิจัยในปี 2018 ชี้ว่า น้ำมันมะพร้าวสามารถบรรเทาอาการติดเชื้อที่ผิวหนังและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวแห้ง และงานวิจัยปี 2010 เผยว่า น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สามารถช่วยให้แผลที่ผิวหนังหายเร็วขึ้นได้
ดังนั้น จากข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นไปได้ว่าการนวดน้ำมันเบา ๆ ลงบนผิวของคุณแม่สามารถป้องกันรอยแตกลายได้ ซึ่งตรงกับข้อมูลในงานวิจัยในปี 2015 ที่บ่งชี้ว่า การนวดผิวแตกลายด้วยน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำทุกวันสามารถช่วยลบเลือนรอยแตกลายให้ดูจางลงได้
5. เลเซอร์บำบัด
เลเซอร์ การใช้แสงเพื่อรักษารอยแตกลายบนผิวหนัง โดยงานวิจัยในปี 2017 เผยว่า การใช้เลเซอร์รักษาสามารถเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและช่วยให้รอยแตกลายจางลง แต่ผลลัพธ์ในการรักษาก็ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ ซึ่งเลเซอร์บางชนิดอาจต้องใช้เวลาหลาย ๆ ครั้งจึงจะเห็นผล
6. Microneedling
Microneedling เป็นวิธีการใช้เข็มขนาดเล็กเจาะลงไปในผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและผลิตอีลาสติน ฟังดูแล้วอาจจะรู้สึกน่ากลัวไปสักนิด แต่วิธีนี้จะให้ความรู้สึกเจ็บเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นค่ะ และเมื่อคุณแม่ไม่รู้สึกเจ็บแล้วก็จะสังเกตเห็นได้ว่ารอยแตกลายจะดูจางลง
โดยวิธีนี้เป็นที่ยอมรับการอย่างแพร่หลายในแวดวงความงาม รวมถึงยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) แล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษารอยแตกลาย
ขณะเดียวกัน ยังมีการศึกษานำร่องในปี 2012 พบว่า Microneedling สามารถช่วยลบเลือนรอยแตกลายได้ภายใน 4 สัปดาห์ แต่แน่นอนว่าวิธีการรักษานี้ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นเดียวกันค่ะ
7. คลื่นวิทยุ
คลื่นวิทยุ เป็นการให้ความร้อนแก่ชั้นผิวหนังที่ลึกขึ้นเพื่อพยายามกระตุ้นกระบวนการสมานแผล กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยกกระชับผิว โดยมีงานวิจัยขนาดเล็กในปี 2014 พบว่าการใช้คลื่นวิทยุสามารถช่วยลดความยาวและความกว้างของรอยแตกลายได้
เช่นเดียวกับการศึกษาในปี 2019 ที่มีการใช้คลื่นวิทยุร่วมกับ Microneedling ผลปรากฏว่าสามารถกระตุ้นชั้นผิวได้ลึกขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้การรักษารอยแตกลายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
8. การผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดเคมี
การผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดเคมี สามารถพบเห็นได้จากหลายๆ คลินิกเสริมความงามในประเทศไทย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้กรดเคมีต่างๆ เช่น กรดไกลโคลิก กรดเมลิค หรือกรดซีตริกลงบนผิวหนัง และกรดเหล่านี้จะทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวได้อย่างล้ำลึก กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และช่วยให้รอยแตกลายดูเล็กลง
ถึงแม้ว่าการเข้ารับการรักษาจากทางคลินิกจะมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากเช่นกัน อีกทั้งตัวเลือกบางอย่างอาจไม่เหมาะกับสภาพผิวของคุณแม่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากตัดสินใจเข้ารับการรักษา อย่าลืมปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอรับคำแนะนำที่เหมาะสมก่อนนะคะ
9. ใช้ผลิตภัณฑ์รักษารอยแตกลาย
ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์สำหรับรักษารอยแตกลายโดยเฉพาะ เช่น ครีม โลชั่น และเซรั่ม ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติเพื่อลบเลือนรอยแตกลายโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น วิตามินบี 3 ที่มีส่วนช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว หรือ ว่านจระเข้ที่มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและรักษาความยืดหยุ่นให้กับผิว
โดยคุณแม่สามารถพบเห็นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าออนไลน์ทั่วไป ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่มักถูกผลิตขึ้นมาเป็นเซ็ทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษารอยแตกลายให้ดูจางลงเร็วขึ้น เช่น ใช้เซรั่มคู่ครีม การใช้มาส์กคู่เซรั่ม เป็นต้น
เพื่อให้ผิวแตกลายดูจางลงเร็วขึ้นไปอีก แนะนำให้ใช้ Mama’s Choice Stretch Mark Complete Solution
Mama’s Choice Stretch Mark Complete Solution พร้อมปกป้องผิวของคุณแม่จากรอยแตกลาย เริ่มต้นการดูแลผิวกันด้วย Mama’s Choice Stretch Mark Serum ที่ได้รับการทดสอบจากคลินิกในประเทศอินโดนีเซียแล้วว่าสามารถลดเลือนรอยแตกลายได้จริง
ขณะเดียวกัน คุณแม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผิวกันต่อด้วย Mama’s Choice Stretch Mark Cream ครีมลดเลือนรอยแตกลายสูตรที่ดีที่สุด อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง ไลโปเบล โซยาไกลโคน (Lipobelle Soyaglycone) และว่านหางจระเข้ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และยับยั้งความเสียหายให้กับผิวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถดูแลผิวได้มากขึ้นไปอีกระดับด้วยการใช้ Mama’s Choice Massage Roller ไม้นวดลูกกลิ้ง นวดวนบนผิวเบาๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีมากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นไอเทมชิ้นสำคัญที่จะทำให้คุณแม่เห็นผลลัพธ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ได้เร็วขึ้นนั่นเอง
ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเราผ่านการทดสอบทางผิวหนังจากคลินิกแล้วว่าปลอดภัย ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่างๆ เช่น พทาเลท แอลกอฮอล์ ไตรโคลซาน และน้ำหอม อีกทั้งยังได้รับการรับรองฮาลาล ให้คุณแม่มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย 100% ไม่ส่งผลต่อพัฒนาการของเจ้าตัวเล็กในครรภ์อย่างแน่นอนค่ะ
สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่ารอยแตกลายนั้นเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่มีเพียงแต่คุณแม่ตั้งครรภ์เท่านั้น ดังนั้น อย่ากังวลมากจนเกินไปและลองศึกษาวิธีการรักษารูปแบบต่างๆ ที่เรานำมาฝากกันดูก่อนนะคะ ซึ่งเราก็หวังว่าข้อมูลข้างต้นนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณแม่ทุกคน
อย่างไรก็ตาม เราขอฝากไว้อีกนิดว่าไม่มีวิธีรักษาใดที่ให้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าคุณแม่เลือกใช้วิธีการใดและใช้เวลามากน้อยเท่าใด ขอเพียงแค่คุณแม่ยอมอดทน เราเชื่อว่าอีกไม่นานคุณแม่จะกลับมาอวดผิวสวยๆ ได้อย่างมั่นใจกันอีกครั้งแน่นอนค่ะ
—
อ้างอิง
Wanvisa