คุณแม่หลายๆ คนอาจคิดว่าการแปรงฟันนั้นไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ เพราะเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็สามารถทำกันได้ แต่มั่นใจแล้วหรือว่าคุณแม่แปรงฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ?
จริงอยู่ที่ว่าทุกคนแปรงฟันเป็น แต่จะมีสักกี่คนที่แปรงฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆ ที่อาจถูกสอนกันมาอย่างผิดๆ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมฟันของเรายังผุหรือมีคราบหินปูนเกาะอยู่ แม้จะแปรงฟันกันทุกวันนั่นเองค่ะ
10 ข้อควรรู้สำหรับการแปรงฟัน
การแปรงฟันไม่ใช่เรื่องยากและเพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุด ในบทความนี้ Mama’s Choice ได้รวบรวม 10 ข้อควรรู้สำหรับการแปรงฟันมาฝากกันแล้ว มีอะไรบ้าง? ตามเรามาดูกันเลยค่ะ
1. เลือกแปรงสีฟันให้ถูกต้อง
ประสิทธิภาพของการแปรงฟันมักขึ้นอยู่กับคุณภาพของแปรงสีฟัน ซึ่งวิธีการเลือกแปรงสีฟันก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแค่เลือกแปรงที่มีด้ามจับพอดีกับมือ มีหัวแปรงขนาดเหมาะสม และมีขนแปรงที่นุ่ม ไม่ระคายเคืองต่อเหงือกก็เพียงพอแล้วค่ะ
สำหรับเด็กๆ คุณแม่ควรเลือกแปรงที่มีคุณภาพและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เราขอแนะนำ Mama’s Choice My First Toothbrush แปรงสีฟันสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป ผลิตจากวัสดุซิลิโคนคุณภาพดี มีสีสันและลวดลายน่ารักๆ ทำให้เด็กๆ รู้สึกสนุกไปกับการแปรงฟัน นอกจากนี้ ยังมี Safety Shield ช่วยป้องกันการบาดเจ็บขณะแปรงฟันได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่หรือลูกน้อย หากทุกคนได้ลองพยายามแปรงฟันเองแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าตนเองแปรงไม่ทั่วถึง อาจลองพิจารณาเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้ามาใช้แทนก็ได้ค่ะ
2. เปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่
แปรงสีฟันที่ดี คือ แปรงสีฟันที่ขนแปรงเริ่มหลุดลุ่ยและไม่สามารถตั้งตรงได้อีกต่อไปหลังจากถูกใช้งานไปเพียงไม่กี่เดือน หากคุณแม่สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ก็ถึงเวลาต้องซื้อแปรงสีฟันอันใหม่แล้วล่ะค่ะ
3. แปรงฟัน 2 ครั้งต่อวัน
คุณแม่ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เศษอาหารก่อตัวไปเป็นคราบหินปูนได้ แต่ไม่ควรแปรงฟันเกิน 3 ครั้งต่อวัน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าการแปรงฟันมากเกินไปอาจทำให้เคลือบฟันสึกและก่อให้เกิดอันตรายต่อเหงือกได้นั่นเองค่ะ
4. ใช้ยาสีฟันดี
ยาสีฟันที่ดีควรมีส่วนผสมของฟลูออไรด์อยู่ เพราะฟลูออไรด์สามารถช่วยขจัดคราบหินปูนและเคลือบฟันให้แข็งแรงได้ ซึ่งก็มีหลากหลายแบรนด์ให้คุณแม่ได้เลือกซื้อเลือกมาใช้ได้ตามต้องการ
5. ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง
การแปรงฟันควรใช้เทคนิคที่เหมาะสม เพราะจะช่วยให้คุณแม่สามารถทำความสะอาดช่องปากได้ดียิ่งขึ้น เริ่มจากบีบยาสีฟันเล็กน้อยและจับแปรงทำมุมกับฟันที่ 45 องศา จากนั้นแปรงฟันด้านนอกจากบนลงล่างเป็นจังหวะสั้นๆ ต่อมาให้ถูแปรงเป็นวงกลมไปให้ทั่วผิวฟันด้านนอกจนครบทุกซี่
เมื่อแปรงด้านนอกเสร็จแล้ว ให้คุณแม่เปลี่ยนไปแปรงฟันด้านใน โดยขยับไปตามแนวเหงือก และท้ายที่สุด คือ การแปรงลิ้นโดยพยายามแปรงให้ได้ลึกที่สุด
6. อ่อนโยน
การแปรงฟันแรงๆ ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่ทำความสะอาดฟันได้ดีขึ้น อันที่จริง การแปรงฟันแรงๆ สามารถทำลายเคลือบฟันและเหงือกได้ อีกทั้งยังทำให้แปรงสีฟันเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ
7. ใช้เวลาเพียงพอ
คุณแม่หลายท่านมักจะใช้เวลาในการแปรงฟันเพียงสั้นๆ เพราะไม่อยากเสียเวลามากจนเกินไป แต่จริงๆ แล้ว เราทุกคนควรใช้เวลาในการแปรงฟันอย่างน้อย 2 ถึง 3 นาที เพื่อให้มีสุขภาพช่องปากที่ดี
8. แปรงลิ้น
การแปรงฟันที่ดีไม่ควรแปรงแค่บริเวณฟันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงลิ้นด้วย เนื่องจากแบคทีเรียที่เติบโตบนลิ้นนั้นกำจัดได้ยากกว่าบริเวณอื่นๆ นี่จึงเป็นเหตุที่คุณแม่จำเป็นต้องแปรงลิ้นด้วยทุกครั้งนั่นเองค่ะ
9. ล้างแปรงสีฟัน
หลังจากที่คุณแม่แปรงฟันเสร็จแล้วจะมีแบคทีเรียเกาะอยู่บนแปรง หากล้างแปรงสีฟันไม่สะอาดก็อาจเกิดการสะสมของแบคทีเรีย และเมื่อนำไปใช้แปรงฟันครั้งต่อไปจะทำให้ประสิทธิภาพของการแปรงฟันลดลง
ดังนั้น คุณแม่จึงควรล้างแปรงให้สะอาด ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการล้างแปรงสีฟันด้วยน้ำสะอาดสักครู่หนึ่ง จากนั้นวางแปรงสีฟันไว้ที่ใดที่หนึ่งเพื่อขนแปรงแห้งสนิท
10. ใช้ไหมขัดฟัน
การใช้ไหมขัดฟันมักเป็นเรื่องที่ถูกมองข้าม แต่จริงๆ แล้วนี่คือสิ่งจำเป็น เพราะบางครั้งแปรงสีฟันก็ไม่อาจเข้าถึงเศษอาหารที่เกาะติดอยู่ตามซอกฟันได้ ดังนั้น ไหมขัดฟันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทำความสะอาดเศษอาหารเหล่านี้
—
ทั้งหมดนี้ คือ 10 ข้อควรรู้สำหรับการแปรงฟันที่เรานำฝากกัน เพราะการแปรงฟันมีความสำคัญต่อสุขภาพช่องปาก หากดูแลไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ ดังนั้น ควรแน่ใจว่าคุณแม่เข้าใจเกี่ยวกับการแปรงฟันกันแล้วจริงๆ 🙂
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
วิธีดูแลฟันลูกน้อย ที่คุณแม่ต้องใส่ใจ
มัดรวมเคล็ดลับลดผื่นผ้าอ้อม ให้ลูกน้อยแฮปปี้ได้ทุกวัน!
เคล็ดลับการเลือกชุดอุปกรณ์ทานอาหารอย่างไรให้ปลอดภัยกับลูกน้อย!
อ้างอิง:
Wanvisa