โบราณท่านว่า แม่หลังคลอด ต้องทำตัวแบบนี้ ต้องดูแลตัวเองแบบนั้น ถ้าไม่ทำตามจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ…
คุณแม่หลายๆ คนคงได้รับคำแนะนำมากมายจากคุณย่าคุณยายที่อยู่ด้วยกันว่า หลังคลอดแล้วคุณแม่ควรปฏิบัติตัวอย่างไร แต่ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองของคุณแม่หลังคลอดที่ได้รับมาจากผู้เฒ่าผู้แก่นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่? ในบทความนี้ Mama’s Choice ได้รวบรวม 7 ความเชื่อที่คุณแม่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังคลอดมาให้อ่านกันแล้วค่ะ
ปล. ด้านล่างมีอินโฟกราฟิกสรุปในรูปเดียวอยู่นะคะ เลื่อนลงไปเซฟเก็บไว้ดูได้ค่ะ 🙂
ความเชื่อที่ 1 : แม่หลังคลอด ต้องอยู่ไฟ
โบราณท่านว่าคุณแม่หลังคลอดทุกคนจำเป็นที่จะต้องอยู่ไฟ ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการหนาวใน ดูอย่างนายแม่การะเกดจากละครเรื่องดัง บุพเพสันนิวาส ก็ต้องอยู่ไฟหลังคลอดเหมือนกัน ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : หลังคลอดไม่จำเป็นต้องอยู่ไฟ
จริงๆ แล้วอาการหนาวในที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอาการปกติของคุณแม่หลังคลอด เนื่องด้วยเป็นผลมาจากฮอร์โมนของคุณแม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วค่ะ รวมทั้งร่างกายยังสูญเสียเลือดและน้ำออกไปเยอะ จึงต้องให้น้ำเกลือ (และ/หรือเลือด ในกรณีที่คุณแม่เสียเลือดมาก) ซึ่งน้ำเกลือนั้นมีอุณหภูมิต่ำกว่าร่างกายของเรา ดังนั้นจึงรู้สึกหนาวได้ค่ะ นอกจากนี้ในกรณีคุณแม่ที่ผ่าคลอด ก็มีความเป็นไปได้ที่อาการหนาวสั่นเป็นผลข้างเคียงจากยาสลบค่ะ
แล้วถ้าคุณแม่รู้สึกหนาวใน? จะทำอย่างไรดี? เราขอแนะนำให้ห่มผ้าห่มหนาๆ ใช้กระเป๋าน้ำร้อนห่อผ้ามากอดหรือประคบบริเวณที่รู้สึกหนาว อีกทั้งการอุ้มลูกก็จะช่วยถ่ายเทความอบอุ่นระหว่างแม่และลูกได้ค่ะ 🙂
อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่คนไหนต้องการที่จะอยู่ไฟก็สามารถทำได้นะคะ ไม่ได้เป็นเรื่องผิดแต่อย่างใด แต่การอยู่ไฟตามความเชื่อแบบโบราณแท้ๆ ประเภทต้องปิดประตูหน้าต่างห้ามให้ลมเข้า ต้องนอนตะแคงข้างเฉยๆ 15-30 วัน ก็เริ่มไม่มีให้เห็นกันแล้วค่ะ เพราะในปัจจุบันมีการประยุกต์วิธีการอยู่ไฟของคุณแม่หลังคลอดให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น เช่น การนวดประคบร้อน เป็นต้น
ความเชื่อที่ 2 : ต้องดื่มยาดองเพื่อขับน้ำคาวปลา
คุณแม่หลายท่านคงเคยได้ยินคนบอกว่าให้ดื่มยาดองเพื่อที่จะขับน้ำคาวปลาออกมาได้มาก ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : แอลกอฮอล์ไม่ดีต่อคุณแม่ให้นมและลูกน้อย
จริงๆ การดื่มยาดองไม่ได้มีส่วนช่วยในการขับน้ำคาวปลาแต่อย่างใด การที่คุณแม่ดื่มยาดองเข้าไปแล้วมีน้ำคาวปลาออกมามากนั้นเป็นเพราะมีการเร่งปฏิกิริยาจากแอลกอฮอล์ แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแอลกอฮอล์นั้นเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพราะอาจทำให้มีเลือดออกมากเกินไป หรือทำให้แผลในมดลูกหายช้า
นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ไม่เพียงส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณแม่เท่านั้น แต่เจ้าตัวเล็กยังได้รับผลกระทบผ่านทางน้ำนมแม่อีกด้วย ดังนั้น เราไม่แนะนำให้คุณแม่ใช้ตัวช่วยใดๆ เพราะการบีบรัดตัวของมดลูกหลังคลอดจะช่วยขับน้ำคาวปลาออกมาเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว และน้ำคาวปลาจะถูกจับจนหมดภายใน 4 – 6 สัปดาห์หลังคลอดค่ะ
ความเชื่อที่ 3 : ต้องเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด
คุณแม่หลายคนมักเข้าใจว่าการขยับตัวจะทำให้แผลฝีเย็บหรือแผลผ่าตัดเกิดการอักเสบ ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : การเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวเร็วขึ้น
ไม่ว่าจะคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอด หลังคลอด 24 ชั่วโมง คุณแม่ควรที่จะลุกขึ้นมาเดินบ้างเพื่อให้เลือดได้หมุนเวียนไปหล่อเลี้ยงบริเวณแผลฝีเย็บ นอกจากจะช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้นแล้ว ยังสามารถป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการยกของหนักเท่านั้นเองค่ะ
ความเชื่อที่ 4 : ห้ามกินผักบางชนิด
ผักใบเขียวอย่างผักชี ตำลึง และอื่นๆ ถูกจัดเป็นของแสลง ซึ่งทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย รู้สึกปวดเมื่อย ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : คุณแม่หลังคลอดกินผักได้ทุกชนิด
ขึ้นชื่อว่าเป็นผักอย่างไรก็มีประโยชน์นะคะ เพราะผักอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นมากมายหลายชนิด โดยเฉพาะคุณแม่ลูกอ่อนที่ร่างกายต้องได้รับอาหารให้ครบ 5 หมู่ และปริมาณมากเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกายต้องการอาหารที่เข้าไปช่วยผลิตน้ำนมสำหรับเลี้ยงเจ้าตัวเล็กและซ่อมแซมร่างกายหลังคลอดค่ะ
ความเชื่อที่ 5 : ต้องกินอาหารเผ็ดๆ เพื่อให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
กินอาหารเผ็ดเยอะๆ มดลูกจะได้เข้าอู่เร็วขึ้น ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : การกินอาหารเผ็ดไม่ได้มีส่วนช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้นแต่อย่างใด
นอกจากการกินอาหารเผ็ดจะไม่ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้คุณแม่มีอาการท้องเสียหรือแสบท้องได้อีกด้วยค่ะ หากคุณแม่ต้องการให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น เราขอแนะนำให้คุณแม่นวดประคบร้อน หรือให้ลูกดูดนมบ่อยๆ แทนดีกว่านะคะ
ความเชื่อที่ 6 : ห้ามดื่มน้ำเย็น
ห้ามดื่มน้ำเย็น เพราะว่าไม่ดีต่อสุขภาพ และจะทำให้น้ำนมไหลน้อยลงด้วย ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : คุณแม่หลังคลอดดื่มน้ำอุณหภูมิไหนก็ได้
การดื่มน้ำเย็นนั้นไม่ได้เป็นข้อห้ามสำหรับคนท้องนะคะ น้ำเย็นไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำนมของคุณแม่ไหลน้อยลงด้วย เพราะถึงอย่างไรน้ำก็คือน้ำ และร่างกายของเราก็พร้อมที่จะปรับสมดุลของน้ำเย็นให้มีอุณหภูมิเท่ากับร่างกายของเราอยู่แล้ว แต่ที่หลายคนแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องนั้นเป็นเพราะว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและปลดปล่อยฮอร์โมนออกซิโทซินที่ช่วยในการผลิตน้ำนมออกมานั่นเองค่ะ
ทั้งนี้ หากคุณแม่มีน้ำนมไหลน้อย ขอย้ำอีกทีว่าไม่เกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำเลยค่ะ แต่เป็นเพราะร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอต่างหาก ดังนั้น ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 6-8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวันนะคะ
ความเชื่อที่ 7 : แม่หลังคลอด ห้ามสระผม
คุณแม่หลังคลอดห้ามสระผม เพราะจะทำให้ป่วยไข้ ไม่สบายได้ ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : แม่หลังคลอด สระผมได้นะคะ
จริงๆ แล้วข้อห้ามนี้เป็นเพียงกุศโลบายที่ถูกส่งต่อกันมาจากผู้เฒ่าผู้แก่เพื่อลดอาการเจ็บป่วยของคุณแม่หลังคลอดที่มีฮอร์โมนและภูมิคุ้มกันที่ลดลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น เพราะว่าสมัยก่อนนั้นไม่ได้มีนวัตกรรมที่ช่วยทำให้ผมแห้งไวขึ้นอย่างพัดลมหรือไดร์เป่าผมอย่างในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การรักษาความสะอาดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคุณแม่รู้สึกว่าผมเหนียวหรือรู้สึกไม่สบายหนังศีรษะ เราขอแนะนำให้คุณแม่สระผมดีกว่าค่ะ แต่ควรสระด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำที่ไม่เย็นจนเกินไปและที่สำคัญอย่าลืมเช็ดหรือเป่าผมให้แห้งสนิทกันด้วยนะคะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 7 ความเชื่อของคุณแม่หลังคลอดที่ถูกส่งต่อกันมาตั้งแต่ในอดีตที่เราได้นำมาฝากกัน บางความเชื่ออาจไม่มีให้พบเห็นกันแล้ว แต่บางความเชื่อก็ยังคงอยู่ คุณแม่คนไหนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะทำตามหรือไม่ทำตามก็สามารถใช้ดุลยพินิจของคุณแม่กันได้เลยนะคะ
อ่านเพิ่มเติม :
วิธีปั๊มนม เทคนิคปั๊มนม รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับการปั๊มนมที่คุณแม่มือใหม่ต้องรู้
6 เคล็ดลับ ลดหุ่น ลดน้ำหนักหลังคลอด แบบไม่ต้องออกกำลังกาย
แก้อาการผมร่วงหลังคลอดด้วย 7 วิธีบำรุงผมหลังคลอดสำหรับคุณแม่
Kankanid
Content Manager at Mama's Choice